สวัสดีผู้อ่านทุกท่านที่กำลังสนใจเจ้ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า AIMA รุ่น A500 ใหม่ล่าสุดคันนี้ที่เพิ่งเปิดตัวและเริ่มออกสู่ตลาดทั่วโลกในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้เองโดยมีออกมาทั้งหมด 2 รุ่นคือ รุ่น Standard / รุ่น Smart ซึ่ง A500 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ชนิดกราฟีนเจนเนอเรชั่นที่ 2 รุ่นที่จะได้ใช้แบตเตอรี่ชนิดนี้ต้องเป็นรุ่น Smart เท่านั้น
โดยในบทความนี้เราจะนำพาทุกท่านมาทำความรู้จักเจ้ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารูปลักษณ์ล่ำอนาคต เสมือนยานกระสวยอวกาศคันนี้ มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่อัดเเน่นมากกว่ารุ่นใดๆของ AIMA ในปัจจุบันนี้
การออกแบบ : กระสวยยานอวกาศ?
ก่อนที่เราจะพูดถึงอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ AIMA A500 ผมต้องการพูดถึงรูปลักษณ์และรายละเอียดของ A500 ก่อนจริงๆ ในอดีตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะมีรูปหน้าตาธรรมดามองไปทางไหนหน้าตาก็คล้ายกันหมด ทั้งๆที่เป็นคนละยี่ห้อแท้ๆ ระบบไฟฟ้าเทคโนโลยีต่างก็ไม่ได้มีอะไรมากแต่ ณ ปัจจุบันนี้ A500 เรียกได้ว่าไม่ใช่แค่ภายในเท่านั้นที่อัดเเน่นไปด้วยเทคโนโลยี
เมื่อมองแวบแรก A500 นั้นดูเรียบง่ายแต่ดูทันสมัยมาก สาเหตุที่ทำให้ A500 มีเอกลักษณ์เฉพาะก็คือ AIMA ให้ความสำคัญกับการออกแบบรถไฟฟ้าเอง โดยได้จ้างทีมคาร์ดีไซด์เนอร์ระดับนานาชาติมาสร้างและพัฒนารูปแบบเพื่อสร้าง A500 คันนี้ขึ้นมา
เมื่อมองจากด้านหลัง คุณจะเห็นไฟท้ายยาวไปถึงด้านข้างของ A500 เหมือนเป็นส่วนเดียวกัน มีการใช้สีดำและสีขาวให้เกิดการคอนทราสด้วยสีและเพิ่มเส้นเเสงสีแดงที่เป็นไฟท้ายยาวถึงด้านข้าง ทำให้รู้สึกถึงตวามสปอร์ตและความหนักเเน่นในเวลาเดียวกัน
อีกหนึ่งเหตุผลที่เราประทับมากๆก็คือในการออกแบบก็คือเรามองไม่เห็นส่วนหัวของสกูลหรือน็อตเลย มันมอบความรู้สึกว่าเป็นรถที่ได้ออกแบบมาเป็นอย่างดี มีชิ้นส่วนการประกอบที่เฉพาะสำหรับ AIMA A500 โดยรวมแล้วตัวรถมีความความแน่นหนาและแข็งแรงทีเดียว แน่นอนว่าการออกแบบที่เรียบแบนนี้ยังช่วยลดการต้านทานของลมขณะขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพมากๆ แล้วยังมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง เรียกได้ว่าบรรลุเป้าหมายอย่างที่ตั้งใจไว้
รายละเอียด: เบื้องหลังรูปลักษณ์ที่ดูดีคือการใส่ใจในรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน?
การออกแบบระบบการทำงานต่างๆของ A500 สามารถพูดได้ว่าน่าดึงดูด ทำให้เราอยากรู้อยากเห็นเหมือนเด็กๆได้ของเล่นกันเลยที่เดียว และในแง่ของรายละเอียดฟังก์ชั่นต่างๆ ทำออกมาได้น่าสนใจไม่น้อย
A500 ตำแหน่งก้านเบรกมือด้านหน้าทำให้ยาวขึ้น 2 ซม. ทำให้การเบรครถสำหรับผู้ขับขี่ที่มือเล็กก็สามารถควบคุมเบรคได้อย่างปลอกภัยง่ายขึ้น เพื่อพร้อมสำหรับเหตุการที่ไม่คาดหวัง ซึ่ง AIMA ตั้งใจพัฒนาเเม้แต่จุดเล็กๆ
ภาพด้านบน: การแสดงผลข้อมูลทั้งหมดของตัวควบคุมส่วนกลาง ภาพด้านล่าง: แสดงข้อมูลผลแบบปกติ
ส่วนหน้าจอแดชบอร์ดแบบแสดงข้อมูลของ AIMA A500 ได้ทำให้มีขนาดใหญ่ถึง 11.8นิ้ว แสดงผลทุกอย่างที่ผู้ขับขี่จำเป็นต้องรู้ เช่น ความเร็วรถ, โหมดการขับ, ระดับแบตเตอรี่, ระยะทางวิ่ง เป็นต้น ภาพตัวเลขต่างๆแม้ในเวลากวางวันที่แดดจัด การมองคอนข้างชัดเจน
เรามาชมต่อในส่วนปุ่มควบคุมบนแฮนด์ทั้ง 2 ด้าน ผมชอบเลย์เอาต์การจัดว่างปุ่มมือจับซ้ายและขวามาก ๆ เช่นกัน
มือจับซ้าย : เป็นไฟเลี้ยว, ไฟสูง, แตร, และปุ่มเกียร์ถอยหลัง ในขณะที่
มือจับขวา : ปุ่มเปิด-ปิดไฟส่องสว่าง, ไฟสัญญาณฉุกเฉิน, เกียร์ P, และปุ่มโหมดต่างๆ
การจัดวางของปุ่มที่อยู่ในโซนเดียวกันทำให้ใช้งานได้สะดวกสบายมาก เพียงคุณขยับนิ้วโป้งนิดเดียวก็สามารถปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆได้อย่างที่ต้องการ บ้างครั้งคุณแทบไม่ต้องมองปุ่มที่ต้องการกดเลย ทำให้การขับขี่ของคุณปลอดภัยขึ้น
ตัวล็อคแบบลูกบิดใช้ในตำแหน่งรูกุญแจ และจะมีไฟรอบๆสวิช ทำให้มองเห็นได้ชัดในเวลากลางคืนเพื่อสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว และตำแหน่งรูกุญแจการออกแบบให้เป็นแบบเลื่อนเพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดจากรูกุญแจ โดนฝน จนทำให้เกิดสนิม
ตะขอสีเงินที่อยู่ส่วนกลางสำหรับแขวนถุงและสัมภาระของผู้ขับขี่และยังมีช่องชาร์จไฟ USB สำหรับชาร์จมือถือเพื่อให้ไม่พลาดทุกการติดต่อ
รถมีกุญแจสองชนิด คือ 1.รีโมทปลดล็อครถแบบปกติ 2.กุญแจอัจฉริยะ การใช้งานกุญแจอัจฉริยะรถจะปลดล็อคโดยอัตโนมัติเมื่อเจ้าของเข้าใกล้ A500 เท่านั้น
แป้นเหยียบที่ใหญ่ขึ้นจะทำให้การวางเท้าของคุณเป็นอย่างธรรมชาติมากขึ้นและไม่ทำให้เท้าเป็นตะคริว ภายใต้ท้องของ A500 มีเกราะปกป้องแชสซีด้านล่างของรถเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อตัวรถ เช่น โคลน น้ำ ทราย หิน ฯลฯ.
ยังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับ AIMA A500 ตัวอย่างเช่น ที่วางเท้าของผู้โดยสารแบบพับเก็บทำได้เรียบเนียบไปกับตัวรถ ไม่มีส่วนใดยืนออกมาแกะกะ
นอกจากนี้ AIMA ยังคำนึงถึงด้วยว่าผู้ใช้อาจรู้สึกเมื่อยล้าหลังจากขับรถเป็นเวลานาน ดังนั้น A500 จึงออกแบบการมุมเอียง 27° ที่ตะเกียบด้านหน้าของ A500 ซึ่งทำให้มีระยะการนั่ง ระยะการจับแฮนด์ และขาที่ดีที่สุด เพื่อให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกเหนื่อยแม้จะขับรถเป็นเวลานาน
ในขณะเดียวกัน การรับแรงกระแทกของโช้คอัพด้านหลังสามารถปรับได้ถึง 5 ระดับ ซึ่งสามารถลดการกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยางยังใช้เทคโนโลยีที่มีการต้านทานต่อพื้นผิวถนนต่ำเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ของ A500 สะดวกสบายยิ่งขึ้น
เบาะนั่งยังนั่งสบายกว่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั่วไปด้วยความยาวของเบาะขนาด 670 มม. ซึ่งสามารถโอบรับสะโพกได้ดีและจะไม่รู้สึกอึดอัดเวลานั่งสองคน นอกจากนี้เบาะยังให้ความรู้สึกนุ่มมากจริงๆ
เปิดใต้เบาะนั้งออกมาจะเจอกับช่องเก็บของขนาด 32 ลิตร เราคิดว่าพื้นที่สามารถเก็บกระเป๋าหรือสิ่งของได้อย่างเพียงพอสำหรับผู้ขับขี่ หรือแม้เราไปจ่ายตลาดก็ยังสามารถใส่มื้อเย็นสำหรับ 4 คนกลับบ้านได้อย่างสบาย นอกจากนี้ยังมีปุ่มสวิตช์ที่ด้านหลังของกล่องเก็บของเพื่อเปิด-ปิด ระบบกระแสไฟที่ตัวรถเพื่อป้องกันการสูญเสียพลังงานเมื่อไม่ได้ใช้รถเป็นระยะเวลานานๆ
ไฟหน้า: ตัวรถจักรยานไฟฟ้า ไฟระดับรถยนต์
การออกแบบโคมไฟหน้าแบบเส้นตรงขนาดใหญ่ที่เป็นจุดเด่นของ AIMA A500 ไฟหน้าดีไซน์สวยงามล้ำลึกพร้อมระบบ Breathing Light เมื่อคุณเข้าใกล้รถด้วยกุญแจอัจฉริยะ ไฟหน้าจะกะพริบ 3 ครั้ง และยังมีฟังก์ชันการดับไฟแบบหน่วงเวลาเมื่อปิดการทำงานของรถ
ระบบไฟส่องสว่าง 360° และสัญญาณไฟเลี้ยวแบบ Runing Light แบบเดียวกับที่ติดตั้งเฉพาะบนรถยนต์ระดับไฮเอนด์เท่านั้น ด้วยหลอดไฟ Matrix LED 106 ดวง ความแรงและความสว่างของหลอดไฟมากถึง 25000Lumen ความกว้างของการส่องสว่างของไฟหน้ากว้างเกือบใกล้เคียง 180° ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ในเวลากลางคืนเป็นอย่างมาก
ประสิทธิภาพความทนทาน: ระยะทาง 100 กิโลเมตรโดยชาร์จเพียง 1 ครั้ง
ในแง่ประสิทธิภาพของการใช้พลังงานภายในแบตเตอรี่ทำได้ค่อนข้างหน้าพอใจ เราได้ทดลองวิ่งไป-กลับประมาณวันละ 20 กิโลเมตร เท่ากับว่า “เราชาร์จเพียง 1 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น” ผนวกกับการออกแบบความองศาท่าขับขี่ที่มีตะเกียบหน้าลาดเอียง 27° และเบาะนั่งขนาดใหญ่ จากประสบการ์ณการขับขี่จริงของผม ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจากบ้านไปที่ทำงาน ผมคิดว่าการขับรถนั้นค่อนข้างง่ายและสะดวกสบาย
หน้าจอมีการแสดงข้อมูลที่จำเป็นมองอ่านได้ง่ายตัวอักษรขนาดใหญ่สบายตาและ ในส่วนของกำลังขับมีทั้งหมด 3โหมด: ECO (ประหยัดพลังงาน) / Comfort / และ Sport แต่ละโหมดจะมีอัตราเร่งการตอบสนองและความเร็วสูงสุดแตกต่างกันเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ขับขี่ในสถานการณ์นั้นๆ
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า AIMA A500 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม CES ที่ติดตั้งเข้ามาภายในมอเตอร์ Bosch Max รุ่นนี้ การทำงานของระบบนี้เมื่อรถเกิดการไหล(แรงเฉื่อย) หรือตอนปล่อยคันเร่งมอเตอร์จะแปลงการไหลของรถเปลี่ยนเป็นกระแสไฟเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ คล้ายกับระบบ Hybrid ของรถยนต์ สามารถเพิ่มระยะได้อีก 10% ทำให้ไปได้ไกลและ “ประหยัดพลังงานไฟฟ้า”
เหตุผลที่ AIMA A500 มีประสิทธิและการใช้งานที่ดี เพราะมันรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าถูกติดตั้งด้วยมอเตอร์ Bosch MAX ที่พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 100 คน เป็นระยะเวลานานกว่า 2 ปี , เจ้า A500 คันนี้จะประกอบไปด้วยเทคโนโลยีเจเนอเรชันใหม่ Bosch MAX เป็นมอเตอร์ที่เเรงแต่กินกระแสไฟน้อย, แบตเตอรี่กราฟีน เจน2 ที่ทำให้เก็บกระแสไฟดีกว่ารุ่นก่อน 20% , ระบบไฟฟ้าอัจฉริยะที่จดสิทธิบัตร SDS, ชุดหลอดไฟประหยัดพลังงาน LED, ยางมีความต้านทานต่อพื้นต่ำ ( ร่วมกับระบบ CES ในการชาร์จคืนพลังงานจากแรงเบรกที่จดสิทธิบัตรของ AIMA )
แน่นอน เรื่องของความปลอดภัยก็มีส่วนสำคัญมากเช่นกัน เมื่อพูดถึงเรื่องความปลอดภัยเพื่อให้มั่นใจต่อผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น เฟรมของ A500 ได้วัตถุดิบ high-carbon steel ซึ่งช่วยป้องกันการกัดกร่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในเวลาเดียวกันรถทุกคันก่อนออกจากโรงงานจะต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพแบบเข้มงวดในห้องปฏิบัติการของ CNAS เช่น ทดสอบความเเข็งเเรงของโครงสร้าง, มอเตอร์, คอนโทรล, โช้คอัพ ฯลฯ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพของรถ AIMA A500 นั้นพร้อม 100% เมื่อถึงมือผู้ใช้นั้นเอง
สรุป รถยนต์ไฟฟ้าไร้กังวลเรื่องระยะทาง
ประสบการณ์ใช้งานตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่เราใช้งานอย่างจริงจังและทำความรู้จักเจ้ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า AIMA A500 ที่ดูเหมือนกับยานอวกาศคันนี้ ในเเง่ของการใช้งานหากคุณเป็นคนที่ต้องเดินทางประมาณวันละ 20 กิโลเมตรต่อวัน การชาร์จเเบตเตอรี่เพียงครั้งเดียวก็ทำให้คุณสามารถใช้งานได้เต็ม 1สัปดาห์แน่นอนด้วยเเบตเตอรี่กราฟีน
แต่เราต้องการแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องปล่อยให้พลังงานในเเบตเตอรี่ใกล้หมดแล้วค่อยชาร์จแบตเตอรี่ การที่มีกระแสไฟวิ่งเข้าออกแบตเตอรี่เป็นสิ่งที่ดี (อย่างปล่อยให้ต่ำว่า 20%) เราสามารถชาร์จทิ้งไว้ตลอดเวลากลางคืนได้เพราะอแดปเตอร์ชาร์จไฟ มีระบบตัดไฟให้เมื่อชาร์จเต็ม 100%
และนี้ก็เป็นรีวิวเพียงเล็กน้อยที่เราได้พาทุกท่านมาทำความรู้จักเจ้า A500 คันนี้กันครับ
