รีวิว丨AIMA A500 ทดสอบจริง วิ่งได้ไกล 100กม. จริงไหมกับแบตเตอรี่กราฟีน Gen2

รีวิว:รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า A500 จากนักรีวิวชื่อดัง Yanshan

เนื่องจากความสะดวกในการใช้งาน รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้าจึงมีบทบาทสำคัญในการเดินทางระยะสั้นในแต่ละวันของเรา ยานยนต์ไฟฟ้าจึงถูกเลือกให้เป็นเครื่องมือหลักในการเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดและระบบขนส่งสาธารณะที่หนาแน่น ทำให้ทุกคนมีความต้องการมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามากขึ้น

จากความต้องการของผู้ใช้งานที่ต้องการระยะทางต่อการชาร์จเพิ่มมากขึ้น ในเดือนมิถุยายนนี้ บริษัท AIMA (ไอม่า) ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ได้เปิดตัว AIMA รุ่น A500 เป็นครั้งแรกกับ “ระยะทาง100 กิโลเมตรโดยไม่ต้องชาร์จ” มาพร้อมกับแบตเตอรี่กราฟีนชนิดใหม่ซึ่งเป็น Gen2 ในตอนนี้

หลังจากการทดสอบจริงมาหลายวัน วันนี้เราจะมาเพื่อพูดคุยโดยละเอียดเกี่ยวกับ A500 คันนี้กันครับ

แบตเตอรี่ กราฟีน Generation 2 เป็นอย่างไร?
AIMA A500 มีแบ่งเป็น 2 รุ่นคือ รุ่น Standard / รุ่น Smart ที่เราทดสอบในครั้งนี้คือรุ่น Smart

มาพูดถึงประเด็นสำคัญกันก่อน หลังจากที่ได้เห็นแนวคิดการพัฒนาเทคโนโลยีของ AIMA รุ่น A500 ด้วยความอยากรู้ เราจึงทดสอบระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้งทันทีที่ได้รับรถ เพราะเค้าบอกว่า​” สามารถขับได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเพียง 1 ครั้งเท่านั้น “

AIMA A500 มาพร้อมกับแบตเตอรี่กราฟีนความจุ 72V 22AH ช่องชาร์จถูกซ่อนไว้ใต้เบาะนั่งและมีฝาครอบปิดช่องชาร์จสีเงิน สามารถกดฝาครอบแล้วเปิดออกเพื่อทำการชาร์จไฟฟ้า มีความเรียบเนียนเป็นนึงเดียวกับตัวบอดี้แถมยังสะดวกอีกด้วย

ในการทดสอบ เราได้จำลองการขับขี่ในชีวิตประจำวันของแต่ละวัน AIMA A500 มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่แสดงข้อมูลเต็มทั้งจอ ขนาด 11.8 นิ้ว ( ใหญ่มาก😮 ) ซึ่งสามารถบอกข้อมูลได้ทุกอย่างที่ผู้ขี่จำเป็นต้องรู้

เจ้า A500 มาพร้อมกับ 3 โหมด การขับขี่ โดยรุ่น A500 ได้ติดตั้งมอเตอร์ BOSCH Max ขนาด 1200W โดยมี 3 โหมดดังนี้ ECO (ประหยัดพลังงาน), COMFORT และ SPORT ความเร็วสูงสุดของโหมด ECO คือ 45KM/H, COMFORT ความเร็วสูงสุดของโหมดคือ 60KM/H และความเร็วสูงสุดของโหมด SPORT ถึง 68KM/H แล้วในการขับขี่ครั้งนี้เราเลือกทดสอบในโหมด ECO

บนหน้าจอของ AIMA A500 แสดงระดับพลังงานคงเหลือผ่านภาพแบตเตอรี่ 5 เซลล์ ( 5ขีด ) เมื่อเราขับผ่านระยะทาง 25 กิโลเมตร พบว่าระดับพลังงานไม่มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อมองดูในภาพนี้ ถ้าระดับพลังงาน 1 ขีดของแบตเตอรี่สามารถขี่ได้ระยะทางเฉลี่ย 25 กม. เท่ากับว่า A500 มีความเป็นไปได้ที่จะขี่ได้ระยะทาง 100 กิโลเมตร อย่างแน่นอน

ผลการทดสอบในครั้งต่อๆมา พิสูจน์ให้เห็นว่าการแสดงระดับคงเหลือเเบตเตอรี่ของ A500 นั้นถูกต้องและแม่นยำ  หากขับขี่ในโหมด ECO สามารถทำได้ระยะทาง 100 กิโลเมตรจริง ๆ แต่จะไปได้ไกลอีกมากขนาดไหนเราไปดูต่อกัน

เมื่อเราขี่มาได้ระยะทางถึง 32 กิโลเมตร ในที่สุดระดับพลังงานของ A500 ก็ลดลงไป 1 ขีด

ระดับพลังงานลดลงเหลือ 3 ขีดที่ระยะทาง 63 กิโลเมตร / เหลือ 2 ขีด ในระยะทาง 95 กิโลเมตร (โหมด ECO)

เมื่อระยะทางถึง 125 กิโลเมตร ระดับแบตเตอรี่ก็ลดลงเหลือ 1 ขีด แล้วหลังจากนั้นเราก็ได้ขี่ไปอีกมากกว่า 30 กิโลเมตร ในที่สุดพลังงานภายในเเบตเตอรี่ก็หมดลงที่ 158 กิโลเมตร

จากการทดสอบขี่เจ้า A500 ตั้งแต่บ่ายจนถึงค่ำในครั้งนี้ หากเราลองคำนวณจากการเดินทางไป-กลับ ในระยะทาง 20 กิโลเมตร ของทุกวันเท่ากับว่าเราสามารถใช้งานเจ้ารถไฟฟ้านี้ได้นาน 7 วัน ต่อการชาร์จเพียง 1 ครั้งเท่านั้นเอง


สงสัยไหมว่าทำไมรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า AIMA A500 คันนี้ถึงขี่ได้ไกลขนาดนี้? นั้นก็เป็นเพราะว่า A500 ใช้แบตเตอรี่กราฟีนขนาดใหญ่ 72V 22Ah ซึ่งเป็น Generation ที่ 2 ของแบตเตอรี่ชนิดนี้ที่ทาง AIMA ได้พัฒนาขึ้น ให้เพิ่มความหนาแน่นในการเก็บกระแสไฟเพิ่มขึ้น 20%

ในทางกลับกันเป็นเพราะมอเตอร์ Bosch MAX รุ่นใหม่ ที่ขับเคลื่อน AIMA A500 ซึ่งลดการกินพลังงานลง 15% แต่เพิ่มประสิทธิภาพแรงบิดเพิ่ม 15% ทำให้การตอบสนองของรถดีขึ้นรวมถึงการขึ้นทางชันและลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ทำให้สามารถใช้พลังงานของแบตเตอรี่ได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ

อีก 1 เทคโนโลยีที่เราต้องพูดถึงนั้นคือระบบ CES บริษัท AIMA ได้จดสิทธิ์บัตรเพื่อใช้กับรถ A500 เท่านั้น เป็นระบบชาร์จพลังงานกลับเข้าแบตเตอรี่เช่นเดียวกับระบบ Hybrid ในรถยนต์ การทำงานของระบบ CES คือ เมื่อผู้ขี่ปล่อยคันเร่งรถมอเตอร์ไซค์ A500 จะเกิดเเรงเฉื่อยหรือขณะลงทางลาดชัน มอเตอร์จะมี Inverter ในการปั่นกระแสไฟฟ้าเข้าไปยังแบตเตอรี่

ทำให้ AIMA A500 มีการชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ขณะเคลื่อนที่ได้ ซึ่งช่วยให้ได้ระยะทางหรือกระแสไฟที่เพิ่มขึ้นอีก 10% เลยทีเดียว

ระบบพลังงานอัจฉริยะ SDS โดยระบบทำการคำนวนองศาความชั่นในการใช้พลังงานขึ้นเขา ให้มีประสิทธิภาพพร้อมประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่สูงสุด และเทคโนโลยีที่เราพูดถึงมาทั้งหมดทำให้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า AIMA ที่ใช้แบตเตอรี่ขนาด 72V 22Ah วิ่งได้ระยะเกือบ 160 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

ดีไซน์ : รูปลักษณ์โดยทีมนักออกแบบยานยนต์ระดับโลก
หลังจากที่เราได้พูดถึงเรื่องแบตเตอรี่ไปแล้ว ต่อมาจะพูดถึงเรื่องรูปลักษณ์กันต่อครับ นี่ก็เป็นอีกหนึ่ง Highlight ของ AIMA A500 เช่นกัน

เพราะดีไซน์ของเจ้า A500 นี้ได้ออกแบบโดยทีมงานคาร์ดีไซน์เนอร์ระดับโลก จึงทำให้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของ AIMA นั้นมีความแตกต่าง ดูล่ำมากกว่ารุ่นอื่นๆ

โดยรวมแล้วการออกแบบรูปลักษณ์ของ AIMA A500 เน้นความเรียบหรูแต่ดูล่ำอนาคต รวมเอาเทคโนโลยี นวัตกรรม มากมายมาใส่ในเจ้ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันนี้ นอกจากนี้การออกแบบยังคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์เพราะสามารถช่วยในการลดแรงต้านของกระแสลมที่วิ่งไหลผ่านตัวรถ จึงทำให้การใช้กระแสไฟฟ้าน้อยลงตามไปด้วยนั้งเอง

บอดี้รอบๆของ AIMA A500 ไม่มีน็อตและสกรูให้เห็นจากด้านนอกของตัวรถให้เกะกะสายตาเลย เป็นเพราะการประกอบที่เเนบเนียน ทำให้ทุกชิ้นส่วนของรถมีความกลมกลืนและเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงการออกแบบ แสวงหาสุนทรียภาพขั้นสูงสุดของ AIMA

คือองค์ประกอบทางเทคโนโลยีของ AIMA A500 ก่อนหน้านี้เราพูดถึงหน้าจอขนาดใหญ่ 11.8 นิ้วไปแล้ว การออกแบบส่วนคอแผงปุ่มควบคุมต่างๆ เป็นสีดำเงา Piano Black สง่างาม ดูหรูมากขึ้น ทำให้หน้าจอและปุ่มทั้งสองด้านดูลอยตัวคล้ายกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

ถ้าพูดถึงเทคโนโลยีก็ต้องพูดถึงไฟหน้าของ A500 ยังนำเอาการออกแบบไฟหน้า Matrix LED แบบ through-type ที่ใช้ในรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปัจจุบัน หอดไฟ Matrix LED ด้านหน้าเรียงยาวซึ่งเรียบง่ายและดูโอ่อ่า อีกทั้งระบบเปิดไฟหน้า ไฟหน้าจะกะพริบ 3 ครั้งเมื่อเจ้าของรถเข้าใกล้รถเสมือนรถกระพริบตาให้เรา

สำหรับความสว่างของไฟหน้า บอกตามตรง A500 มีระดับความสว่างมากถึง 25000 Lumen ซึ่งสว่างกว่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั่วไปมาก โดยเฉพาะเมื่อเปิดไฟสูงแสงจะถูกฉายไปได้ไกลถึงระยะ 100 เมตร นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะใช้ไฟต่ำสำหรับการเดินทางตอนกลางคืน

นอกจากไฟหน้าแล้วยังมีไฟแบ็คกราวด์เพิ่มเข้าไปในรูกุญแจของ AIMA A500 ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกหรูมีระดับ และยังทำให้เราใช้งานในเวลากลางคืนได้สะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วย เมื่อกดปุ่มเพื่อปลดล็อครถ , ไฟรอบๆสวิชจะกระพริบ เราจึงสามารถบิดไปตามตำแหน่งที่เราต้องการได้อย่างสะดวกสบาย

การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ของ AIMA A500 จุดแรกคือตะเกียบหน้า มุมเอียงของตะเกียบหน้าของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั่วไปอยู่ที่ 23-25° การขี่ในระยะยาวอาจนำไปสู่ความเหนื่อยล้าได้ง่าย AIMA A500 ใช้การออกแบบมุมเอียง 27° ซึ่งช่วยให้ได้ระยะนั่ง ระยะการจับแฮนด์ของแขน และ การยืดขาอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ผู้ขับสามารถนั้งได้นานและขี่ได้ไกลมากขึ้นโดยปราศจากความเมื่อยล้า


เบาะของ AIMA A500 ซึ่งอัพเกรดให้ยาวขึ้น 670 มม. ทำให้การโดยสารแบบ 2 คนนั้ง มีความกว้างสบายกว่ารุ่นอื่นๆมาก แม้จะเป็นผู้ใหญ่ 2 คนก็ตาม (เบาะมีความนุ่มและเเน่น)


แป้นเหยียบโลหะแบบพับได้ที่ซ่อนอยู่ด้านข้างไม่เพียงแต่ดูดีเรียบร้อย แต่ยังทำให้คนที่นั่งซ้อนท้ายสบายขึ้นอีกด้วย

ที่นั่งขนาดใหญ่ขึ้นยังช่วยให้กล่องเก็บของใต้เบาะมีเนื้อที่มากขึ้น โดยมีขนาดถึง 32 ลิตร สะดวกสบายสามารถใส่อแดปเตอร์ชาร์จไฟ หมวกกันน็อคและแจ็คเก็ตแล้วยังมีช่องว่างเหลืออีกมาก

ถ้าหากเปรียบเทียบ A500 เป็นเสมือนสมาร์ทโฟนก็เท่ากับว่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า AIMA A500 เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงนั้นเอง

ระหว่างการทดสอบ A500 ในส่วนการควบคุมตัวรถรู้สึกว่าสามารถตอบสนองอัตราเร่งต่อมือเราได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเบรคเมื่อขับด้วยความเร็วก็ทำได้ดีเยี่ยม การเข้าโค้งด้วยความเร็วสามารถเกาะถนนได้ดีแม้ในสภาวะถนนเปียกนั้นเป็นเพราะ A500 มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ เมื่อรถจอดติดไฟแดงผู้คนรอบข้าง 2 ฝั่งถนนให้ความสนใจ สำหรับตัวผู้ทดสอบนั้นรู้สึกเหมือนกับการขับรถสุดเท่ รถหรู จริงๆ แบบนี้ต้องยกเครดิตให้กับฝีมือของทีมนักออกแบบยานยนต์นานาชาติ

ในส่วนฟังก์ชั่นต่างๆก็ยังไม่หมดแค่นี้

เจ้ารถ A500 ยังมีอะไรบางอย่างให้เราต้องพูดถึงอีก

อย่างแรกคือ A500 มีพอร์ตชาร์จ USB ที่ด้านซ้ายของด้านหน้าและเป็น USB แบบสองด้านด้วย ก็คือคุณสามารถเสียบสายชาร์จด้าน USB ในมุมใดๆก็็ได้นั้นเองสะดวกไปอีก ช่องเก็บของด้านล่างสามารถวางโทรศัพท์ขณะชาร์จได้อย่างง่ายดาย

สิ่งที่สองบนพื้นฐานของระบบเบรคดิสก์ด้านหน้าและด้านหลังเป็นระบบดรัมเบรกและการดูดซับแรงกระแทกไฮดรอลิกด้านหน้าและด้านหลังของ A500 ยังสามารถปรับการดูดซับแรงกระแทกได้ 5 ระดับ ก็คือคุณปรับความนุ่มนวลและความแข็งของโช็คหลังได้ด้วยมือเดียว หากคุณเป็นคนที่ขับและเน้นความเร็วความคล่องตัวควรปรับให้โช็คมีความเเข็งมากขึ้นเพื่อการเกาะถนนและการทรงตัวที่มั่นคง และเมื่อต้องการความนุ่มสบายก็ควรปรับให้นิ่มลงเพื่อความสะดวกสบาย

เรามาสรุปกัน

จากการทดสอบในวันนี้ A500 สามารถทำระยะทางได้ 158 กิโลเมตร รวมถึงความสามารถในการขึ้นทางลาดชั้นก็ทำได้ดีเยี่ยม รูปลักษณ์ภายนอกดูล่ำสมัยเวลามองดูจะให้กลิ่นอายความรู้สึกถึงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งอนาคต

มอเตอร์ Bosch Max ขนาด 1200W มีการตอบสนองของมอเตอร์ต่อผู้โดยสาร 2 คนทำได้ดี ให้ความรู้สึกที่ไม่แตกต่างกับการขี่คนเดียวเลยเเม้แต่น้อย

การออกแบบตามสรีรศาสตร์สำหรับท่านั้ง ทำให้การขับขี่ทางไกลจะไม่เหนื่อยล่ามากนัก พร้อมกับสามารถปรับระดับความเเข็งและอ่อนของโช็คหลังได้ถึง 5 ระดับด้วยมือเดียว เบาะขนาดกว้างและยาวมากขึ้น มีช่องเก็บใต้เบาะขนาดใหญ่ พร้อมชาร์จโทรศัพท์มือถือทำให้ทุกการเดินทางของคุณสะดวกสบายมาก

หลังจากที่ทุกท่านได้อ่านมาถึงช่วงท้ายนี้ ผู้อ่านมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างครับ?


[100 กิโลเมตรโดยไม่ชาร์จ] ภายใต้เงื่อนไขของน้ำหนักผู้ขับขี่ 75KG อุณหภูมิแวดล้อม 25 ℃ และ ความเร็ว 25 กม./ชม. 100 กม. ระยะทางที่ได้จะผันขึ้นอยู่กับน้ำหนัก อุณหภูมิ ความเร็วลม สภาพถนน และพฤติกรรมการใช้งานของผู้ขับขี่